1. Articles (a , an , the)
หมายถึง คำที่อยู่หน้าคำนาม เพื่อบอกจำนวน ปริมาณ และความหมาย มี 2 ชนิด คือ
1. Indefinite Articles ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ มีความหมายไม่เจาะจง ได้แก่ a , an
2. Definite Articles ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ และพหูพจน์ มีความหมายเฉพาะเจาะจง ได้แก่ The
หลักการใช้ a , an
1. a มีความหมายว่า หนึ่ง ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ หรือขึ้นต้นด้วยสระแต่อ่านออกเสียงอย่างพยัญชนะ เช่น
a woman a flower
a uniform a unit
2. an มีความหมายว่า หนึ่ง ใช้นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ ที่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่อ่านออกเสียงอย่างสระ เช่น
an ox an aunt
an hour an honor
หลักการใช้ the
1. นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์และพหูพจน์ เมื่อต้องการกล่าวถึงนามนั้นเป็นครั้งที่ 2 หรือครั้งต่อ ๆ มา เช่น
Show me a pen. Give me the pen, please.
Those are ants. The ants are black.
2. นำหน้านามนับไม่ได้ และคำนามนับได้เอกพจน์และพหูพจน์ที่ชี้เฉพาะหรือมีคำหรือข้อความมาขยายนามนั้น เช่น
The picture on the wall is beautiful.
The English books are on that shelf.
3. นำหน้าคำนามที่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจกันแล้วว่าหมายถึงสิ่งใด เช่น
I am going to the park.
The dog is in the kitchen.
4. นำหน้าคำนามที่มีสิ่งเดียวในโลก ในประเทศ ในจังหวัด ในอำเภอ หรือในหมู่บ้าน เช่น
the world the sun the moon
the sky the east the west
the north the south the station
the hospital the market the sea
5. นำหน้าชื่อสถานที่ต่าง ๆ เช่น
แม่น้ำ the Chao Praya River
ทะเล the Red Sea
มหาสมุทร the Atlantic Ocean
ช่องแคบ the English Channel
อ่าว the Persian Gulf
เทือกเขา the Alps
โรงแรม the Ritz Hotel
ธนาคาร the Bangkok Bank
6. นำหน้าชื่อประเทศที่เป็นพหูพจน์ เช่น
the Philippines the United Kingdom
the United States of America
7. นำหน้าชื่อเครื่องดนตรีที่ตามหลังกริยา play เช่น
the piano
play the violin
the guitar
8. นำหน้า adjectives ที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม หมายถึงทั้งพวก เช่น
The rich should help the poor.
9. นำหน้าชื่อชนชาติ เมื่อหมายถึงคนในชาติทุกคน หรือกล่าวทั่ว ๆ ไป เช่น
The French cook better than the English.
10. นำหน้า adjectives ที่บอกลำดับที่ (ordinal) เช่น
the first the second the third
นามที่ไม่ต้องใช้ article ใด ๆ นำ
1. นามที่เป็นชื่อมื้ออาหาร เช่น
Dinner is ready
I have breakfast at 6.30 o’ clock.
2. ชื่อฤดูกาล วัน เดือน วิชา อาชีพ เช่น
Winter is cold.
Today is Monday.
January is the first month of the year.
English is my favorite subject.
I like to play badminton.
3. คำนามแสดงสถานที่บางคำที่อยู่หลังกริยา go เช่น
go to school go to bed
go to hospital go to town
4. สำนวนที่ใช้กับบุพบทต่อไปนี้
at home by night in ink
at noon by day in class
at night by bus in bed
5. นามนับไม่ไดและนามนับได้พหูพจน์ ที่กล่าวถึงโดยทั่วไป เช่น
Milk is useful. Roses are flowers.
2.Numerals
หมายถึง ตัวเลข มี 2 ประเภท คือ
1. The Cardinal Numerals หมายถึง เลขนับ เช่น one, two, …etc.
2. The Ordinal Numerals หมายถึง เลขลำดับที่ เช่น first, second, …etc.
The Cardinal Numerals
จำนวน | จำนวน | ||
1 | one | 21 | twenty-one |
2 | two | 22 | twenty-two |
3 | three | 30 | thirty |
4 | four | 40 | forty |
5 | five | 50 | fifty |
6 | six | 60 | sixty |
7 | seven | 70 | seventy |
8 | eight | 80 | eighty |
9 | nine | 90 | ninety |
10 | ten | 100 | a (one) hundred |
11 | eleven | 101 | one hundred and one |
12 | twelve | 200 | two hundred |
13 | thirteen | 240 | two hundred and forty |
14 | fourteen | 1000 | a (one) thousand |
15 | fifteen | 4000 | four thousand |
16 | sixteen | 100,000 | a hundred thousand |
17 | seventeen | 1,000,000 | a million |
18 | eighteen | 12 | a dozen |
19 | nineteen | 20 | a score |
20 | twenty | 144 | a gross |
วิธีใช้ The Cardinal Numerals
1. บอกจำนวนคน สัตว์ สิ่งของ หรือราคา เช่น
There are five children in my family.
That ring is five hundred and sixty-seven.
2. บอกจำนวนอายุ ความสูง น้ำหนัก ความยาว ความกว้าง เช่น
He is eleven years old.
She is four feet five inches tall.
3. อ่านเวลา ปีศักราช เช่น
08.00 – eight o’ clock 1,950 – nineteen fifty
10.50 – ten fifty 2,506 – twenty – five oh six
4. อ่านบ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ เช่น
345 Saimai Road – three forty Saimai Road
2040 Romyen Road – twenty forty Romyen Road
07-3500241 – oh seven three five oh oh two one
034-566151 – oh three four five six six one five one
1. บอกจำนวนคน สัตว์ สิ่งของ หรือราคา เช่น
There are five children in my family.
That ring is five hundred and sixty-seven.
2. บอกจำนวนอายุ ความสูง น้ำหนัก ความยาว ความกว้าง เช่น
He is eleven years old.
She is four feet five inches tall.
3. อ่านเวลา ปีศักราช เช่น
08.00 – eight o’ clock 1,950 – nineteen fifty
10.50 – ten fifty 2,506 – twenty – five oh six
4. อ่านบ้านเลขที่ เบอร์โทรศัพท์ เช่น
345 Saimai Road – three forty Saimai Road
2040 Romyen Road – twenty forty Romyen Road
07-3500241 – oh seven three five oh oh two one
034-566151 – oh three four five six six one five one
The Cardinal Numerals
เลขลำดับที่ทำได้จากจำนวนนับ ดังนี้
1. เติม th ท้ายจำนวนนับ ยกเว้น
the first (ที่ 1) the second (ที่ 2) the third (ที่ 3)
2. ลำดับที่บางคำไม่เป็นไปตามกฎ เช่น
five เป็น the fifth (ที่ 5)
eight เป็น the eighth (ที่ 8)
nine เป็น the ninth (ที่ 9)
twelve เป็น the twelfth (ที่ 12)
3. จำนวนนับที่ลงท้ายด้วย –ty ให้เปลี่ยนเป็น –tieth เช่น
twenty เป็น the twentieth (ที่ 20)
thirty เป็น the thirtieth (ที่ 30)
4. จำนวนนับที่เป็นคำรวม ให้ทำเป็นลำดับที่เฉพาะตัวหลัง เช่น
twenty – one เป็น the twenty – first (ที่ 21)
thirty – five เป็น the thirty – fifth (ที่ 35)
วิธีใช้ The Ordinal Numerals
1. บอกลำดับที่คน สัตว์ สิ่งของ เช่น
The first boy is my brother.
2. บอกลำดับที่ของวัน เดือน เช่น
Monday is the second day of the week.
March is the third month of the year.
3. อ่านวันที่ เช่น
6th August - the sixth of August
May 17th - May the seventeenth\
1. เติม th ท้ายจำนวนนับ ยกเว้น
the first (ที่ 1) the second (ที่ 2) the third (ที่ 3)
2. ลำดับที่บางคำไม่เป็นไปตามกฎ เช่น
five เป็น the fifth (ที่ 5)
eight เป็น the eighth (ที่ 8)
nine เป็น the ninth (ที่ 9)
twelve เป็น the twelfth (ที่ 12)
3. จำนวนนับที่ลงท้ายด้วย –ty ให้เปลี่ยนเป็น –tieth เช่น
twenty เป็น the twentieth (ที่ 20)
thirty เป็น the thirtieth (ที่ 30)
4. จำนวนนับที่เป็นคำรวม ให้ทำเป็นลำดับที่เฉพาะตัวหลัง เช่น
twenty – one เป็น the twenty – first (ที่ 21)
thirty – five เป็น the thirty – fifth (ที่ 35)
วิธีใช้ The Ordinal Numerals
1. บอกลำดับที่คน สัตว์ สิ่งของ เช่น
The first boy is my brother.
2. บอกลำดับที่ของวัน เดือน เช่น
Monday is the second day of the week.
March is the third month of the year.
3. อ่านวันที่ เช่น
6th August - the sixth of August
May 17th - May the seventeenth\
3.Demonstratives
ได้แก่ this, that, these, those สามารถเป็นได้ทั้ง pronoun และ adjective
หลักการใช้ Demonstratives
ได้แก่ this, that, these, those สามารถเป็นได้ทั้ง pronoun และ adjective
หลักการใช้ Demonstratives
1. this ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงคำนามที่อยู่ใกล้ตัวผู้พูด
2. that ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงคำนามที่อยู่ไกลตัวผู้พูด
3. these เป็นรูปพหูพจน์ของ this ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงคำนามที่ใกล้ตัวผู้พูด
4. those เป็นรูปพหูพจน์ของ that ใช้เมื่อต้องการกล่าวถึงคำนามที่ไกลตัวผู้พูด
หมายถึง คำที่วางไว้หน้านามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ได้แก่ my = ของฉัน เช่น I go to school with my brother. Our = ของเรา เช่น My sister and I like to play in our garden. your = ของคุณ เช่น You go for a walk with your dog. his = ของเขา (ผู้ชาย) เช่น Panya is doing his homework. her = ของเขา (ผู้หญิง) เช่น The nurse cleans her hands. its = ของมัน เช่น The bird is in its nest. their = ของเขาทั้งหลาย เช่น The children clean their teeth twice a day. |